ทำความรู้จักอาร์แกนออยล์ (Argan oil) น้ำมันสารพัดประโยชน์
ประโยชน์ของพืชต่าง ๆ มีหลากหลายชนิดแตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อได้ทำความรู้จักลึกลงไปแล้ว ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของพืชเหล่านั้น โดยวันนี้เราจะขอแนะนำน้ำมันอาร์แกน (Argan oil) ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งการทำเป็นเครื่องสำอางและรับประทานเพื่อบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย จนถือว่าเป็นน้ำมันสารพัดประโยชน์อีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
น้ำมันอาร์แกน ถูกสกัดมาจากเมล็ดของผลอาร์แกนที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Argania spinosa (L.) โดยเป็นพืชที่เติบโตช้าและมีเฉพาะในพื้นที่เขตตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโมร็อกโก ทำให้น้ำมันชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูง และเนื่องจากวิกฤติภาวะโลกร้อน ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งและการใช้ทรัพยากรในป่าจนเกินพอดี ทำให้พื้นที่บริเวณที่สามารถปลูกพืชชนิดนี้ได้ อยู่ในความคุ้มครองขององค์กร UNESCO แล้ว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีการจัดการผืนป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยในอดีต ได้มีการใช้น้ำมันชนิดนี้ในการรับประทาน บำรุงผิว บำรุงผม รวมถึงใช้เป็นยารักษาโรค ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายงานวิจัยที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาช่วยยืนยันถึงประสิทธิภาพของน้ำมันชนิดนี้ โดยมีสรรพคุณมากมาย อย่างเช่น
เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
น้ำมันอาร์แกนเกรดเวอร์จินเป็นน้ำมันที่ผ่านการสกัดแบบเย็น โดยจะคงคุณค่าของปริมาณสารที่มีประโยชน์ไว้ได้ดี โดยแบบที่ใช้สำหรับรับประทานหรือในด้านความงามจะมีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันโอเลอิกและไลโนเลอิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโอเมก้า 9 และโอเมก้า 6 ตามลำดับ โดยมีคุณสมบัติเด่นในด้านเพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย นอกจากนี้การที่น้ำมันอาร์แกนมีกรดไขมันโอเลอิกและไลโนเลอิกปริมาณสูง ยังช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบอีกด้วย
ลดการสร้างไขมันบนใบหน้า
มีการศึกษาในอาสาสมัครที่มีผิวหน้ามันจำนวน 20 คน โดยให้ผู้เข้าร่วมทาครีมที่ผสมน้ำมันอาร์แกน วันละสองครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ที่บริเวณหน้าผากและแก้มทั้งสองข้าง ผลปรากฏว่าบริเวณที่ถูกทดสอบมีความมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่การทดลองที่ใช้เวลานานกว่า 4 สัปดาห์ ไม่เห็นผลต่อการควบคุมความมันได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีผลของการรับประทานน้ำมันอาร์แกนต่อสุขภาพด้วย เช่น ต่อต้านการเกิดมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไขมันและหลอดเลือด เป็นต้น ซึ่งการศึกษาส่วนใหญ่มีแนวโน้มในด้านปรับปรุงสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้น โดยมีหลักฐานเบื้องต้นจากที่มีการใช้เป็นอาหารและบำรุงผิวพรรณมาอย่างยาวนานในประเทศโมร็อกโก ซึ่งหากใครต้องการรับประทานในระยะยาว ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือหาข้อมูลที่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายภายหลัง